ข่าวแนะนำ
ทำความรู้จัก DeepFake ใช้ AI สร้างคลิปปลอมของคนดัง ที่ปลอมยันเสียงและท่าทาง
เมื่อ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เริ่มพัฒนามากขึ้น ทำให้สามารถเรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้มากขึ้น ก็มีการนำไปพัฒนาเรื่องราวต่างๆและหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือ Deepfake (ดีปเฟก) ซึ่งเป็นการรวมกันระหว่าง 2 คำ คือ “Deep Learning” หากแปลตรงตัวคือ “เรียนลึก” ซึ่งหมายถึง ชุดตรรกะของระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ทำการเรียนรู้จากการทดลอง เช่น การกำหนดเส้นทางรถแข่งเป็นโค้งรูปตัว “S” และเมื่อเริ่มการทดลง A.I รุ่นแรกก็จะวิ่งเป็นเส้นตรงและรุ่นถัดมาเรื่อยๆก็จะเริ่มเรียนรู้ว่าเส้นทางโค้งอย่างไร แล้วเรียนรู้ในการเลี้ยวโค้งตามเส้นทาง ถ้าเปรียบเที่ยบเป็นคนก็เหมือนการหัดเดิน ก้าวขาอย่างไรไม่ให้ล้ม เจอทางแบบไหนเราจะลื่น ส่วนอีกคำหนึ่งที่มารวมกับคำว่า Deep Learning คือคำว่า “Fake” ที่แปลว่า “ปลอม”
ที่มาของ Deepfake เริ่มจาก ปลายปี 2017 ผู้ใช้รายหนึ่งในเว็บไซต์ Reddit(คล้ายๆ Pantip เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ) ใช้ชื่อว่า “Deepfakes” ใช้ภาพของดาราดังระดับโลกมากมาย “สลับหน้า”(Face swap) กับนางแบบภาพยนตร์โป๊ รวมถึงมีการสลับใบหน้าของ “นิโคลัส เคจ” ลงในภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง และคลิปที่เป็นที่โด่งดังคลิปหนึ่ง คือคลิปของ “เดซี ริดลีย์” (แสดงเป็น “เรย์” จากเรื่อง สตาร์วอร์) และมีดาราดังอีกมากมายที่ถูกนำคลิปไปตัดต่อด้วย “ปัญญาประดิษฐ์” เป็นคลิปลามก และในปี 2018 เว็บไซต์ Reddit และเว็บไซต์อื่นๆเริ่มมีการแบนคลิปลามกที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ โดยไม่ถูกยินยอมจากเจ้าของใบหน้าด้วย แต่อย่างไรก็ตาม Reddit ก็ยังมีห้องที่ชื่อว่า r/SFWdeepfakes หรือ Safe for work deepfakes(คำว่า “Safe for Work” เป็นสแลง ที่ระบุว่าไม่มีภาพลามกจนสามารถเปิดในที่ทำงานได้) เพื่อแบ่งปันคลิปปลอมต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน
แล้ว Deepfake ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างไร ?
หลายคนมองว่า “เฮ้ย! มันก็เป็นแค่คลิปตัดต่อกากๆ” ซึ่งในระยะแรก Deepfake อาจมีข้อบกพร่องต่างๆ อาทิ ภาพที่ได้ออกมามีความคมชัดต่ำ ท่าทางลักษณะของตัวบุคคลที่ถูกสร้างออกมาไม่เหมือนจริง แต่อย่าลืมว่าหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา คือ “เทคโลโลยีพัฒนาไปทุกๆวัน และมันจะฆ่าคนที่ไม่ปรับตัว” ในอดีตต้องใช้โทรศัพท์เครื่องสูงเท่าไม่บรรทัดเพื่อโทรศัพท์ด้วยเสียง แต่ปัจจุบันมีหน้าจอสัมผัส , กล้องความคมชัดสูง และไมโครโฟนที่ดักฟังชีวิตประจำวันคุณอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องคุยแล้วได้ยินแต่เสียงอีกต่อไปแต่สามารถคุยแบบเห็นหน้ากันได้ด้วย(Video Call) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวถ้าหากว่าอนาคต Deepfake จะสามารถเรียนรู้จนสามารถสร้างภาพความคมชัดสูงและท่าทางที่เสมือนจริงได้ และในอนาคตอันใกล้คลิป Deepfake นี้จะถูกตรวจสอบได้ยากมากขึ้นด้วยเพราะความเหมือนจริงของมัน
นี่เป็นคลิปปลอมที่ถูกสร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งในคลิปคือ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายดอนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกปลอมขึ้นทั้งท่าทางและเสียงที่ใช้ คุณว่ายังเป็นคลิป “กากๆ” อีกหรือไม่ ?
Deepfake สามารถส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งได้!
สิ่งที่คลิปวีดีโอปลอม Deepfake สามารถทำได้คือการสร้างข้อมูลผิดๆ ที่ผู้ไม่หวังดีใส่ลงไป แล้วทำให้ผู้ชมได้รับข้อมูลที่ผิดๆนั้นไปและปักใจเชื่อ ซึ่งปัจจุบันประชากกรส่วนใหญ่ของโลกสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ และนั่นหมายถึงการเข้าถึงคลิปปลอมได้มากขึ้นด้วย หากเปรียนเทียบกับชีวิตประจำวันของคนไทย คือ การเชื่อคลิปที่ถูกส่งต่อกันมาผ่านไลน์ เราไม่เคยถามว่าคลิปนี้มาจากไหน จริงหรือไม่ ? ซึ่งในยุคหน้า ถึงเวลาที่ต้องตั้งคำถามแล้วว่า คลิปนี้น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ? มาจากไหน ? เขาพูดจริงหรือไม่ ? สมเหตุสมผลหรือเปล่า ?
อ่านบทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
– ทำความรู้จัก “DeepNude” ใช้ A.i. สร้างรูปโป๊เปลือยจากรูปของหญิงสาวที่ใส่เสื้อผ้ามิดชิด
– Digital footprint รอยเท้าบนโลกออนไลน์ที่อาจหวนมาทำร้ายคุณ
